โลหะมีค่า ถือเป็นสิ่งที่เพิ่มมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจให้งอกเงย เพราะด้วยมูลค่าที่สูงและความหายาก
เพราะเหตุนี้จึงทำให้คนส่วนใหญ่รู้จักเพียงแค่เงิน ทอง และไม่ค่อยรู้จักชนิดอื่น ๆ วันนี้จะพาไปทำความรู้จักกับโลหะมีค่าชนิดอื่น ๆ กัน
เงิน (Silver)
เงิน หรือ ธาตุที่มีหลายเลขอะตอม 47 และมีสัญลักษณ์คือ AU และเราอาจจะเห็นเลขที่ตีตราใต้ตัวเรือนเงิน 925
ซึ่งมีความหมายคือ เนื้อเงิน 92.5 % ผสมกับทองแดง 7.5% เพื่อเพิ่มความแข็งแรง และยังทำให้เนื้อเงินสามารถตัดชิ้นงานได้ตามรูปทรงเครื่องประดับที่ออกแบบไว้
ทองคำ (Gold)
ทองคำ คือ ธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม 79 มีสัญลักษณ์ คือ Au จัดอยู่ในกลุ่มธาตุมีสกุลชนิดหนึ่ง และทองคำ เป็นธาตุโลหะทรานซิซันสีเหลืองทอง
มีความมันวาว เนื้ออ่อนนุ่มจนสามารถนำมายืดหรือจะตีเป็นแผ่นได้ และมีประโยชน์ไม่ใช่แค่ทำเป็นเครื่องประดับ
แต่มีประโยชน์ในด้านงานทันตกรรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรม
ทองคำขาว (Platinum)
เรียกสั้น ๆ ว่า PT มักถูกใช้เป็นโลหะที่สำคัญในวงการแพทย์ เช่น เครื่องมือผ่าตัด เพราะสนิมไม่สามารถเกาะโลหะเหล่านี้ได้
แลเมื่อนำมาทำเป็นเครื่องประกับ จะไม่เกิดการลอกดำ ให้ความขาวที่ยาวนาน โดยที่ไม่จำเป็นต้องนำไปชุบ
แพลเลเดียม (Palladium)
เป็นธาตุที่มีหมายเลขอะตอม46 เรียกสั้น ๆ ว่า Pd อยู่ในกลุ่มเดียวกับแพลทินัม เป็นโลหะทรานซิซันหายาก มีสีขาวเป็นประกายตามธรรมชาติและไม่หมองง่าย มีประโยชน์อย่างมากในอุตสาหกรรมเครื่องเพชรเพราะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เพราะแพลเลเดียม มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบาและขึ้นรูปง่ายกว่าชนิดอื่น ๆ
โรเดียม (Rhodium)
เป็นโลหะมีค่าที่มีมูลค่าสูงมากที่สุด ซึ่งมีราคาที่แพงกว่าทองคำถึง 10 เท่า มีประโยชน์ในด้านการชุบเคลือบชิ้นงานที่ทำจากทองคำและเงินเพื่อให้มีความมันวาว สวยงาม และคงทนต่อการผุกร่อน และป้องกันการหมองคล้ำที่ผิวเครื่องประดับได้ยากขึ้น แต่อาจจะมีผลกระทบต่อผู้สวมใส่บางคน เพราะเครื่องประดับที่มีมาตรฐานต้องชุบโรเดียมโดยปราศจากนิกเกิล อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้