หากพูดถึงเครื่องประดับหรือแร่ธาตุที่มีค่ามากแล้ว แน่นอนว่าคนมักจะนึกถึงเพชร หรือทองคำมาเป็นอันดับต้นๆ แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีแร่ธาตุอีกประเภทหนึ่งที่มีราคาสูงกว่าทองคำเสียอีก นั่นก็คือ “ทองคำขาว” หรือ แพลตตินั่มนั่นเอง แล้วความลับอะไรกันที่ทำให้โลหะสีขาวชิ้นนี้ถึงได้มีราคาและมูลค่าสูงกว่าแร่หายากอย่างทองคำ !
ทองขาว ทองคำขาว แพลตตินั่ม แตกต่างกันยังไง?
แม้ว่าจะมีชื่อคล้ายกันแต่ ทองขาว และทองคำขาว แท้จริงแล้วแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยทองขาวจะเป็นโลหะผสมระหว่างทองคำและโลหะขาวเช่น นิกเกิล เงิน ไปจนถึง แพลตตินั่มและพาลาเดียม โดยใช้ทองคำเป็นสารตั้งต้นหลัก ส่วนทองคำขาวนั้นจะแตกต่างกัน แม้ว่าจะสามารถผสมเงิน หรือนิกเกิลเข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณ แต่สารตั้งต้นหลักนั้นจะต้องเป็น ทองคำขาวหรือแพลตตินั่มเท่านั้น ทำให้หลายๆ คนสับสนไม่น้อยเลยเวลาที่ไปเลือกซื้อเครื่องประดับ ซึ่งเราสามารถแยกแยะโลหะทั้งสองได้ด้วยเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ดังนี้
- ทองคำขาว (Platinum) จะมี ธาตุเคมีที่มีเลขอะตอม 78 และมีตัวย่อในตารางธาตุว่า Pt เป็นโลหะสีเงินเทา มีน้ำหนักและความหนาแน่นมาก นิยมนำมาทำเครื่องประดับ และใช้ในงานอื่นๆ เช่น อุปกรณ์ในห้องทดลอง ตัวนำไฟฟ้า หรืองานทันตกรรม เมื่อความต้องการใช้แพลตตินั่มมีปริมาณมาก แต่ตัวแพลตตินั่มเองเป็นธาตุที่หายาก ทำให้ราคาของมันสูงกว่าทองคำหลายเท่าตัว
ส่วนทองขาว (White Gold) คือ ธาตุเคมีที่มีเลขอะตอม 79 มีตัวย่อในตารางธาตุคือ Au เช่นเดียวกับทองคำที่เป็นสีเหลืองนั่นเอง แต่ทองขาวจะเกิดจากการนำทองคำมาผสมกับโลหะชนิดอื่นๆ ที่มีสีเงิน อย่าง เงิน (Silver), นิกเกิล (Nickel) หรือ พาลาเดียม (Palladium) เพื่อให้สีมีความขาวและเนื้อแข็งขึ้น เนื่องจากตัวทองคำแท้จะมีเนื้อนิ่ม ทำให้ยากต่อการขึ้นรูปเครื่องประดับ หรือการยึดเกาะกับอัญมนีในกรณีที่ทำไปทำแหวน การผสมโลหะอื่นๆ เข้าไปจะทำให้ตัวทองนั้นมีความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ไม่เสียรูปได้ง่าย ซึ่งถ้าใครที่ใช้เครื่องประดับที่ทำจากทองขาวอยู่ อาจจะสังเกตได้ว่าเมื่อใช้ไปนานๆ จะเห็นว่ามีการหลุดลอกเป็นสีเหลืองอ่อนๆ ได้ เนื่องจากมีส่วนผสมของทองคำ
นอกจากทองขาวแล้ว ยังมีการนำโลหะสีอื่นๆ มาผสมกับทองคำเพื่อให้ได้สีที่หลากหลายในการทำเครื่องประดับ เช่น ทองสีโรสโกลด์ (Rose Gold) หรือทองสีม่วง (Purple Gold) หากสนใจสามารถอ่านต่อได้ที่บทความ ทองมีกี่สี แตกต่างกันอย่างไร
คุณสมบัติของทองคำขาว
- ความแข็งแรงทนทาน: แพลตตินั่มมีความแข็งแรงทนทานมากกว่าทองคำขาว เป็นรอยขีดข่วนได้ยากกว่า จึงไม่ต้องกังกวลหรือระมัดระวังในการใช้งานเท่ากับทองคำขาว
- สี: แพลตตินั่มเป็นแร่ที่มีสีขาวเงาวาวโดยธรรมชาติ โดยจะมีความมืดกว่าทองขาว เรียกว่า Deep White Tone เป็นสีขาวๆ เงินๆ ที่ดูมีมิติ ในขณะที่ทองขาวจะต้องนำไปชุบโรเดียม เพื่อให้ภายนอกมีสีขาวเงา เมื่อชุบออกมาแล้วจะได้โทนที่ดูสว่างกว่าเนื้อแพลตตินั่ม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แพลตตินั่มเองก็จะมีการชุบโรเดียมเช่นกันเพื่อให้มีความวาว เมื่อผ่านการชุบแล้วจะให้สีที่คล้ายกันมากๆ
- น้ำหนัก: แพลตตินั่มเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ จะไม่เกิดการสูญหายของน้ำหนัก ในขณะที่ทองจะมีการสึกกร่อนและสูญเสียเนื้อผิวได้เมื่อสัมผัสกับวัตถุอื่นๆ
- ความหนาแน่น: แพลตตินั่มมีเป็นโลหะที่มีความหนาแน่นมากกว่าทองคำขาว หากใช้เป็นเครื่องประดับ ผู้สวมใส่อาจจะรู้สึกหนักไป จึงนิยมใช้ทำทำแหวนสำหรับผู้ชายมากกว่า
- การดูแลรักษา: อย่างที่ได้กล่าวไปว่าทองคำขาวนั้นเกิดรอยขีดข่วนได้ง่ายกว่าและสามารถเกิดการหลุดลอกของโรเดียมที่ชุบไว้ได้ จึงทำให้ต้องมีการชุบซ้ำทุกๆ 2-3 ปี จึงอาจจะมีค่าดูแลรักษามากกว่าแพลตตินั่มที่คงทนมากๆ และมีสีเงินจากเนื้อแท้
จากความแตกต่างของทั้งสองอย่างนี้ ทำให้พอเห็นภาพได้มากขึ้นเลยว่าทำไมแพลตตินั่มจึงมีราคาแพงกว่าทองคำมาก ทั้งความแข็งแรงที่มากกว่า น้ำหนักของตัวแร่ หรือจะเป็นกระบวนการในการหลอมแร่เองที่ต้องใช้ความร้อนที่สูงกว่าทองคำ ก็เป็นค่าใช้จ่ายในส่วนการผลิตที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว
ความนิยมของทองขาวและแพลตตินั่ม
แพลตตินั่มมีราคาแพง จึงมีการทำทองขาวขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องประดับใส่แทน ทั้งสองอย่างมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้
จุดเด่นแพลตตินั่ม
- มีน้ำหนักมากกว่าทองคำขาว เหมาะกับทำเครื่องประดับชาย
- แข็งแรงทนทาน ไม่ต้องเสียค่าดูแลรักษาบ่อย
- แกะลายได้สวยกว่าเนื่องจากพื้นผิวมีความหนาแน่น เมื่อใช้งานไปนานๆ เนื้อไม่กร่อนหรือสึกหรอ
- ให้สีที่ดูมีมิติและเป็นธรรมชาติมากกว่าทองคำขาว
- เพชรที่อยู่บนแพลตตินั่มจะสวยกว่าอยู่บนโลหะอื่นๆ เนื่องจากแพลตตินั่มพื้นผิวมันวาวและเรียบกว่าทอง เกิดการสะท้อนแสงเข้าเพชรได้ดีกว่า เพชรจึงดูขาวเป็นประกายขึ้น
- แพลตตินั่มไม่ทำปฏิกิริยากับ ออกซิเจน (O) จึงไม่ทำให้เกิดสนิม
- โอกาสแพ้น้อย
จุดเด่นทองขาว (White Gold)
- น้ำหนักเบากว่าแพลตตินั่ม
- มีราคาถูกกว่าแพลตตินั่ม
- เหมาะกับการใช้ทำตัวเรือนแหวนเพชร
- เนื้ออ่อนกว่าแพลตตินั่ม สามารถขึ้นรูปทรงได้หลากหลาย ปรับไซส์ได้ง่าย
- โอกาสแพ้มากกว่าแพลตตินั่ม เนื่องจากมีส่วนผสมของเงินหรือนิกเกิล
ในประเทศไทย ความนิยมของทองขาวจะมีมากกว่าทองคำขาว เนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่า หาได้ง่ายกกว่า และสามารถขึ้นรูปทรงเครื่องประดับได้หลากหลายกว่า แต่แพลตตินั่มก็จะมีจุดแข็งที่เรื่องความทนทานของวัสดุและความหรูหราในเรื่องของมิติเนื้อสี เป็นเรื่องที่บอกได้ยากว่าเลือกวัสดุจากแร่ประเภทไหนจึงจะดีกว่ากัน ทั้งนี้การพิจารณาเลือกขึ้นอยู่กับงบ รสนิยม และการดูแลเครื่องประดับของแต่ละบุคคลด้วย
ทองขาวกับทองคำขาว เลือกเปอร์เซ็นต์ (%) แบบไหนดีที่สุด
นอกจากคุณสมบัติที่แตกต่างกันแล้ว ยังมีเรื่องของส่วนผสมที่ควรเลือกให้เหมาะอีกด้วย จะขออธิบายเพื่อความเข้าใจง่ายๆ ก่อนว่า ทั้งทองขาวและทองคำขาวเองนั้น ในการขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับจะต้องมีการผสมโลหะประเภทอื่นเข้าไปด้วยเพื่อให้เนื้อวัสดุมีความแข็งและเหนียวขึ้น โดยส่วนผสมที่นิยมจะมีดังนี้
ทองขาว (White Gold)
ตัวทองขาว จะใช้หน่วยเปอร์เซ็นต์ทองคำเป็น K หรือย่อมาจาก Karat เหมือนกับทองคำ ที่นิยมจะมีทองขาว 18K, 14K และ 9K
- 18K จะมีส่วนผสมของทองคำ 75% + โลหะชนิดอื่นๆ อีก 25% เป็นมาตราฐานแหวนเพชร เกรด European High-End
- 14K จะมีส่วนผสมของทองคำ 58.5% + โลหะชนิดอื่นๆ อีก 41.5% นิยมใช้ในงานแหวนเพชรเกรด USA
- 9K จะมีส่วนผสมของทองคำ 37.5% + โลหะชนิดอื่นๆ อีก 62.5% นิยมใช้ในงานแหวนเพชรราคาถูก
หากสนใจเรื่องเปอร์เซ็นต์ของทองคำ ทองคำแท้จะต้องมีเปอร์เซ็นต์ที่เท่าไหร่ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่เลย
ทองคำขาว (Platinum)
แพลตตินั่ม หรือทองคำขาว จะใช้หน่วยเปอร์เซ็นต์เป็น PT หรือย่อมาจาก Platinum ที่นิยมจะมีทองขาว PT900 และ PT950
- PT900 จะมีส่วนผสมของ Platinum 90% + โลหะชนิดอื่นๆ อีก 10%
- PT950 จะมีส่วนผสมของ Platinum 95% + โลหะชนิดอื่นๆ อีก 5%
หากให้แนะนำว่าเลือกเปอร์เซ็นต์แบบไหนให้เหมาะสมที่สุดในบรรดาสัดส่วนทั้งหมดแล้ว ที่นิยมในประเทศไทย จะเป็น White Gold 18K และ Platinum PT950
ทองคำขาวขายได้เหมือนทองคำไหม?
แน่นอนว่าทองคำขาวหรือแพลตตินั่มเองก็สามารถขายได้เหมือนกับทองคำทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นชิ้นใหญ่หรือเป็นเศษทองคำขาวเล็กๆ ก็สามารถขายได้ที่ Platina Value หากไม่มั่นใจในเรื่องของราคา จะขายได้เท่าไหร่ ปริมาณเท่านี้ร้านจะรับซื้อไหม สามารถปรึกษาเราได้ฟรี!