อย่างที่เราเคยเกริ่นไปแล้วในบทความทองคำคืออะไร คุณลักษณหนึ่งที่โดดเด่นของทองคำนั้นก็คือการหลอมนำมาใช้ใหม่ได้เสมอ ทำให้นอกจากความสวยงาม ความทนทานและความหายากที่ทำให้มันกลายเป็นโลหะล้ำค่าแล้ว ทองคำยังเหมาะกับการนำไปแปรรูปผสานเข้ากับโลหะสีอื่น ๆ เพื่อให้เกิดสีสัน โดยที่คุณค่าของมันยังไม่ลดลงไป
ฉะนั้นในตลาดเครื่องประดับ เราจึงไม่ได้เห็นเพียงแค่ทองคำสีเหลืองเพียงชนิดเดียว แต่ด้วยกระบวนการเล่นแร่แปรธาตุทำให้เราสามารถทองที่มีสีสันต่าง ๆ ได้โดยการผสมโลหะที่แตกต่างกันออกไปเข้ากับทองคำ ทำให้เกิดเป็นสีสันที่สวยงามชวนสะกดใจ อย่างเช่นทองกุหลาบ (Rosegold) ไปจนถึงทองขาว (White Gold) แต่จริง ๆ แล้วในวงการเครื่องประดับยังมีทองสีสันอื่น ๆ ที่ถูกเลือกใช้มากมาย โดยวันนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักสีของทองในวงการเครื่องประดับและแฟชั่น พร้อมทั้งส่วนผสมของพวกมัน
ทองมีกี่สี ? สีไหนบ้างที่นิยม
สีสันของทองคำแท้จริงแล้วสามารถสร้างออกมาได้อย่างหลากหลาย เพียงแค่เข้าใจหลักการหลอมโลหะและสีสันของมันเมื่อทำปฏิกริยากับสิ่งเร้าต่าง ๆ แต่ในทางปฏิบัติเครื่องประดับทองสีต่าง ๆ ยังต้องทนทาน หมองยาก ไม่เป็นพิษต่อผิวพรรณเจ้าของ ทำให้ในตลาดเครื่องประดับจริง ๆ สีสันของเครื่องประดับทองนั้นยังไม่หลากหลายมาก โดยหากแบ่งออกอย่างละเอียดโดยตัดปัจจัยเรื่องความบริสุทธิ์ของทองออกไปแล้ว เราสามารถจำแนกสีของทองออกได้ประมาณ 9 หมวดหมู่ดังนี้
ทองคำ (Gold)
เริ่มต้นด้วยสีทองคำแท้ที่เราจะพบได้จากทอง 24k หรือทองแท้ ซึ่งไม่สามารถลอกเลียนแบบได้จากที่ไหน แต่เนื่องจากมีความบริสุทธิ์สูงทำให้ราคาแพงขึ้นตามไปด้วย ทำให้สีสันแบบนนี้มัจะหาได้จากเครื่องประดับชั้นสูงที่มีราคาแพงเท่านั้น เราจึงเห็นการผสมทองคำเข้ากับโลหะอื่น ๆ อย่างทองเหลือง หรือเงิน ในจำนวนที่ไม่มาก เพื่อสร้างเครื่องประดับที่ให้สีคลายคลึงกันแต่อาจจะไม่ได้ มีความบริสุทธิ์เท่า
ทองสีเหลือง (Yellow Gold)
ทองสีเหลืองนั้น ไม่ใช่ทองเหลือง (Brass) แต่อย่างใดแต่เป็นการ ผสมทองคำเข้ากับโลหะที่มีสีสันใกล้กัน ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นการผสมเข้ากับทองเหลืองซะเป็นส่วนมาก แต่สุดท้ายแล้วสีที่ได้นั้นส่วนมากจะมีลักษณะที่อ่อนและจางกว่าทอง 24k อยู่ดี
ทองสีขาว (White Gold)
ทองสีขาวนั้นเป็นการผสมกันระหว่างทองคำกับโลหะสีขาว เช่นนิกเกิล หรือเงิน ทำให้ได้โลหะที่มีสีขาว-เงิน ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง แต่ในบางครั้งเองเพื่อเพิ่มมูลค่า ทองสีขาวยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นการผสมกันระหว่าง โลหะขาวมีค่าอย่าง ทองคำขาว (Platinum) กับ พัลลาเดียม (Palladium) เพื่อเพิ่มความหรูหรา ซึ่ง โลหะทั้งสองนั้นมีราคาและมูลค่ามากกว่าทองเสียอีก ทำให้สินค้าทองขาวผสม ต้องใช้ความรู้ในการซื้อเป็นอย่างมาก รวมไปถึงมีช่วงราคาที่กว้างกว่า เครื่องประดับทองในสีอื่น ๆ มากทีเดียว
ทองสีกุหลาบ นาก หรือ โรสโกลด์ (Rose Gold)
ทองคำสีตุ่นชมพูนี้เป็นหนึ่งในสีสันของทองคำที่นิยมมากที่สุดในโลก ว่ากันว่าความนิยมของทองสีโรสโกลด์นั้นเป็นที่นิยมด้วยโทนสีที่มีความคลาสสิควินเทจชวนให้จ้องมองแตกต่างจากทองคำสีขาวหรือสีเหลือง ที่แม้ว่าจะสวยงามเตะตา แต่ก็ไม่ชวนให้จ้องมองมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนผสมของทองชนิดนี้นั้น ส่วนมากจะเป็นการผสม ทองคำเข้ากับทองแดง (Bronze) ทำให้เกิดสีชมพูแดงอ่อน ๆ ขึ้นมา โดยความชัดเจนของสีนั้นจะมากขึ้นตามความบริสุทธิ์ของทองคำที่ลดลงไป
ทองสีแชมเปญ (Champagne Gold)
ทองแชมเปญเป็นชื่อเรียกโทนสีหนึ่งของโทนทองสีเหลือง แต่ส่วนผสมของมันนั้นแตกต่างจากทองเหลืองทั่ว ๆ ไปเล็กน้อย เพราะมีการผสมโลหะขาว ซึ่งส่วนมากจะเป็นเงินเข้าไปด้วย ทำให้สีของเครื่องประดับแชมเปญโกลด์ จะไม่ได้เหลืองโดด แต่มีความซีดจางนวล ๆ เหมือนเครื่องดื่มชื่อดังที่ใคร ๆ ต่างหลงรัก
ทองสีดำ (Black Gold)
เกือบ 100 ปี ที่คำว่า Black Gold นั้นถูกใช้เรียกน้ำมันปิโตรเลียมแสนล้ำค่า แต่เมื่อเวลาผ่านไป ทองคำสีดำก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นจริง ๆ ในวงการจิวเวอรี่ ด้วยการผสมทองคำเข้ากับโลหะโคบอลต์ ในอัตราส่วน 1:3 ขึ้นไป ทำให้เกิดทองคำที่มีสีสันดำขลับสวยงาม ทว่าทองสีนี้ยังมีความนิยมที่ไม่มากนัก เพราะหลายคนมองว่าเป็นการกลบความสวยงามโดยธรรมชาติของทองไปจนหมดนั่นเอง
ทองสีม่วง (Purple Gold)
ทองสีม่วงนั้นแตกต่างจากทองสีอื่น ๆ ในเรื่องของการใช้งานมาก เพราะการผสมทองชนิดนี้ออกมาได้นั้น จะใช้ส่วนประกอบของทองคำ และอะลูมิเนียม เป็นหลัก ซึ่งผลที่ได้ทำให้ทองสีนี้มีคุณสมบัติในการแตกหักได้เพิ่มเข้ามา ฉะนั้นแทนที่จะนำไปขึ้นรูปเป็นเรือนเครื่องประดับ ทองสีม่วงจึงถูกใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องประดับ หรือใช้แทนที่อัญมณีนั่นเอง
ทองสีเขียว (Green Gold)
ทองสีเขียว เป็นสีทองที่มักจะพบในกลุ่มเครื่องประดับที่เน้นทำรายชิ้น และจับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เพราะเจ้าของเองก็ต้องรับความเสี่ยงในเรื่องของความเปราะบางของมันเมื่อเน้นที่สีสันและความบริสุทธิ์ แต่ถ้าจะทำให้เนื้อเครื่องประดับแข็งแรงทนทานก็จำเป็นจะต้องผสมโลหะเข้าไปอีกทำให้สีสันจางลง โดยทองสีเขียวนั้นจะได้จากการผสมทองคำเข้ากับเงินที่ทำปฏิกริยากับอากาศจนกลายเป็นสีเขียว โดยสีสันจะชัดเจนที่สุดในอัตรส่วนผสมแบบ 1:3 หรือ 18K แต่หากมองที่ความแข็งแรงจะมีการผสมสังกะสี (Zinc) หรือ นิกเกิล (Nickel) ลงไปด้วย และลดความบริสุทธิ์เหลือเพียง 14K แต่จะได้สีสันที่เบาบางกว่านั่นเอง
ทองสีฟ้า-น้ำเงิน (Blue Gold)
ทองสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน ได้มาจากการผสมทองคำเข้ากับอินเดียม (Indium) หรือ แกลเลียม (Gallium) ลักษณะการใช้งานนั้นไม่ต่างอะไรจากทองสีม่วงมากนั่ก คือทองที่ได้นั้นมีความเปราะบางไม่เหมาะกับการขึ้นเรือน ความบริสุทธิ์ต่ำ แต่ก็มีความสวยงามน่าหลงไหล ถือว่าเป็นสีทองที่หาได้ยากอีกสีหนึ่ง
คำถามที่พบบ่อย
ทองคำขาว แพลตตินัม และพาลาเดียมนับว่าเป็นทองไหม ?
ไม่ แม้ว่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มโลหะมีค่าเหมือนกัน แต่แพลตตินัมและพาลาเดียมนั้นถือว่าเป็นธาตุคนละชนิดกับทองโดยสิ้นเชิง โดยพาลาเดียมและทองคำขาวจะมีสัญลักษณ์ในตารางธาตุเป็น Pd และ Pt ตามลำดับ ในขณะที่ทองคำจะเป็น Au
สีของทองเกี่ยวข้องกับความบริสุทธิ์อย่างไร ?
เพราะความบริสุทธิ์ของทองนั้น หมายถึงมันถูกเจือปนด้วยโลหะอื่นมากหรือน้อยเพียงใด ฉะนั้นสีสันของทองก็มีโอกาสจางหรือเข้มขึ้นตามโลหาที่มันถูกนำไปผสมด้วยนั่นเอง
สรุป
ฉะนั้น ลองสังเกตดูให้ดีว่า แหวน หรือเครื่องประดับในกล่องที่สืบทอดมาของคุณแม้บางครั้งไม่ได้มีสีทอง หรือเงิน จนคนอาจจะคิดว่าเป็นของไร้ค่า บางทีแล้วมันอาจจะเป็นมรดกตกทอดที่มีค่าไม่น้อยไปกว่าแหวนทองที่คุณมีเลยก็เป็นได้!